15 เมืองเล็กๆ แต่สวยมากของฝรั่งเศส

1. Nice
นีส(Nice) เมืองตากอากาศมีบรรยากาศชายหาดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดฟิน ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่เสาะหาสถานที่ฮันนีมูนแสนโรแมนติก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็นท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับต้นๆและยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของฝรั่งเศส สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมีความหลายหลาย เนื่องมาจากสถานที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะเที่ยวแนวผจญภัยก็ได้หรือจะต้องการซึมซับความบรรยากาศชายหาดอันงดงามก็ดี ยิ่งช่วงฤดูร้อนท้องฟ้าปลอดโปร่งตัดกับท้องทะเลสีฟ้าสดเป็นอะไรที่น่าเที่ยวมากที่สุด ชายหาดที่แนะนำนั่นคือ ลา โพรเมอ นาด เด ซอง เกส (La Promenade des Anglais)

2. Aix-en-Provence
เอ็ก ซอง โปรวองซ์(Aix-en-Provence) อดีตเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์ที่มีสิ่งบ่งชี้ถึงความเจริญในยุคเก่าก่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรือโบราณสถานสำคัญต่างๆ ที่บางแห่งมีอายุมากกว่า 600 ปี โดยเฉพาะบริเวณถนนสายหลักของเมืองอย่าง ถนนมิราโบ (le cour Mirabeau) ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่วมรื่นและทิวทัศน์ของเมืองเก่าที่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมการสร้างแบบดั้งเดิมไว้ หากมองหาร้านตกแต่งเก๋ๆเอาไว้นั่งพักแบบชิลๆก็มีร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสให้เลือกหลายร้าน ที่แต่ละร้านล้วนมีทีเด็ดและเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าค้นหา อีกประการที่พลาดไม่ได้คือการเดินชมน้ำพุที่ว่ากันว่ามีมากถึง 100 แห่งรอบเมืองเลยทีเดียว


3. Pont Audemer
ปง อูดูแมร์(Pont Audemer) เมืองขนาดเล็กๆที่มากไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่อย่างกับหลุดมาจากเทพนิยายโบราณ ด้วยการคงรูปแบบอาคารบ้านเรือนตามสไตล์ half-timbered  ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Haute-Normandie ทางตอนบนของฝรั่งเศส ตัวเมืองอยู่บนพื้นที่เนินเขาลูกเล็กๆรายล้อมด้วยแม่น้ำ Risle มีสถานที่ไฮไลท์อีกแห่งนั่นคือโบสถ์ Saint-Ouen ที่ยังคงความงดงามทั้งภายในและภายนอกด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างแบบสไตล์เรอเนสซองส์ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านมากนัก เหมาะกับการมาสัมผัสถึงวิถีชีวิตชาวในแถบชนบทที่แตกต่างจากความวุ่นวายแบบเมืองใหญ่


4. Rennes
แรน(Rennes)เมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตึกอาคารสไตล์เรอเนสซองส์ของยุคกลาง ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Brittany ทางตะวันตกของฝรั่งเศส ในส่วนตัวเมืองอยู่บนเนินระหว่างที่มีแม่น้ำอีลและแม่น้ำวีแลนไหลมาบรรจบกันโดยเฉพาะจัตุรัส Place du Champ Jacquet ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่าบริเวณใจกลางเมือง ล้อมรอบไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิม  และยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างมหาวิหารแซ็ง-ปีแยร์แห่งแรนที่อาจไม่เป็นที่รู้จุกมากนัก หากก็มีความงดงามแบบคลาสสิกที่น่าค้นหา


5. Bordeaux
บอกโดซ์(Bordeaux) เมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องไร่องุ่นและไวน์รสชาติเยี่ยมยอด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส การรันตีความดีงามจากการได้รับโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในยุโรปของปี 2015 คนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบเมืองนี้แน่ๆเพราะไม่ว่าจะไปด้านไหนมุมใดก็ถ่ายรูปออกมาอย่างงาม ด้วยความที่เป็นเมืองที่ขนาบข้างด้วยแม่น้ำการอน ทำให้มีแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเป็นสะพานปิแอร์ (Pont de Pierre) แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ทึ่งคือบริเวณ The Stock exchange square ที่ช่วงกลางคืนจะเห็นถึงเงาสะท้อนบนผิวน้ำที่งามแปลกตา ยิ่งได้นั่งคาเฟ่ริมน้ำพร้อมจิบไวน์ไปด้วยนี่ฟินย่าบอกใคร


6. รอชฟอ ออง เต(Rochefort en Terre)
รอชฟอ ออง เต(Rochefort en Terre) มีบรรยากาศเมืองแบบย้อนยุคที่ติดหนึ่งใน 100 ชุมชมที่งดงามมากที่สุดของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Morbihan แคว้น Brittany ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เดินเข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในฝรั่งเศสยุคกลาง ดูได้จากสถาปัตยกรรมอาคารที่ยังคงรักษาบรรยากาศแบบดั้งเดิมอย่างน่าประทับใจ ยิ่งช่วงฤดูร้อนยิ่งยกระดับความสวยด้วยดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งรายล้อมเมือง ทำให้เมืองที่ดูโบราณมีสีส้นขึ้นทันตาเห็น ตัวถนนก็ยังคงแบบโบราณ แม้กระทั่งสิ่งของต่างๆอย่างบ่อที่ใช้ตักน้ำก็ยังมีให้เห็น ถือเป็นเมืองที่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน


7. ชาโมนิกซ์(Chamonix)
ชาโมนิกซ์(Chamonix) ที่เทือกเขามงบล็อง(Mont Blanc) ด้วยความที่ตั้งอยู่ขอบชายแดนของและสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้อากาศดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวนี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดิน เพราะทัศนียภาพที่มีภูเขาหิมะอยู่ด้านหลังล้อมรอบเมืองเล็กๆประหนึ่งภาพเขียนอีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอากาศหนาวๆ ท่ามกลางหิมะฟูๆที่ปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งรวมทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่รักในกีฬาฤดูหนาว เนื่องจากมีสกีรีสอร์ทตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ให้ได้ลองเล่นสกีกันอย่างจุใจท่ามกลางวิวงามๆที่ได้มาครั้งหนึ่งต้องประทับใจไม่รู้ลืม


8. ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue)
ลิล ซูร์ ลา ซอร์จ(L’Isle sur la Sorgue) เป็นเมืองเล็กๆในโปรวองซ์(Provence) ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นตาน้ำใส ที่จะเห็นคูน้ำใสกริ้ง ไหลไปตามถนน รวมทั้งชื่อเสียงขจรขจายไปทั่งโลกด้านของเก่า จากการที่ภายในเมืองเต็มไปด้วยร้านขายของเก่านานาชนิดมากกว่า 300 ร้าน เรียกได้ว่ามองหาสิ่งใดหายากแค่ไหนไม่มีพลาดสิ่งนั้นแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลอีสเตอร์และวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี จะมีการจัดตลาดนัดของเก่ามีเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 500 ร้าน ที่ไม่เพียงเป็นร้านจากภายในประเทศหรือเมืองเท่านั้น หากยังมีอีกมากมายที่มาจากทุกสารทิศทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ที่เดียว


9. บลัว(Blois)
บลัว(Blois) เมืองที่มีความสำคัญศาสนาคริสต์ของฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคกลางจนมาถึงปัจจุบัน มีชัยภูมิติดริมแม่น้ำ Loire ตั้งอยู่ในจังหวัด Loir-et-Cher แคว้น Centre อยู่ทางตอนกลางของฝรั่งเศส โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง พระราชวังบลัว (Château de Blois) ที่มีความงดงามอย่างคลาสสิคสไตล์เรอเนสซองส์ ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือ บันไดเวียนหลักที่ปีกพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 อีกองค์ประกอบหนึ่งของพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ บริเวณเมืองอาจได้รับความเสียหายอยู่ไม่น้อยจากช่วงสงคราม แต่ก็มีการบูรณะปรับปรุงให้กลับมาความงดงามแม้ไม่เต็มร้อย หากก็ให้กลิ่นอายยุคโบราณไม่น้อยทีเดียว อีกเรื่องสำคัญคือบริเวณลุ่มแม่้น้ำลัวร์(Loir Valley)นี้ยังเป็นที่อยู่ของกลุ่มปราสาทมากมาย จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกด้วย

10. กอร์ด(Gordes)
กอร์ด(Gordes)เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตโปรวองซ์(Provence)ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในหมู่บ้านแลนด์มาร์คที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่สร้างบ้านจากหินภูเขา เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Luberon ที่ดาราดัง มหาเศรษฐีนิยมมาสร้างบ้านตากอากาศกัน มีโซนท่องเที่ยวอยู่กลางหมู่บ้าน ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักใช้เวลาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาประมาณครึ่งวัน นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เก่าแก่ที่ชื่อว่า Abbaye de Sénanque อยู่เลยจาก Gordes ไปเล็กน้อย ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวยอย่างกับในภาพวาดอยู่ด้วย


11. คานส์(Cannes)
คานส์(Cannes)อาจจะเป็นชื่อที่หลายๆคนอาจคุ้นกันดีจากการเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์เมือง Cannes ซึ่งไม่ได้มีดีแค่นั้นแต่การที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลทางตอนใต้ของฝรั่งเศสส่งผลให้อากาศคอนข้างดีน่าเที่ยวตลอดทั้งปี แถมยังมีกิจกรรมกลางแจ้งและทางน้ำให้เลือกสนุกแบบเต็มพิกัด อยากเดินเล่นเพลินๆท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลเมดิเตอเรเนียนและอาคารสไตล์ยุโรปก็ทำได้ เพราะมีหาดทรายสีทองทอดยาวตัดกับทะเลสีฟ้าใส ถ้าอยากมีโอกาสกระทบไหล่ดาราดังระดับโลกหรือชมบรรยากาศเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ก็ให้มาช่วงเดือนพฤษภาคม นอกจากร้านยังมีร้านหรูๆให้เดินช็อปไม้แพ้ปารีสที่แถวๆถนน Boulevard de la Croisette และ Rue d’Antibes หรือแม้กระทั่งนั่งตามร้านอาหารที่สามารถนั่งมองริมทะเลงามๆพร้อมๆกับลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสด้วยวัตถุดิบจากสดๆจากทะเล เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่ครบครันไปทุกสิ่งจริงๆ


12. เซเมอร์ ซอง อุกซัวว์(Semur-en-Auxois)
เซเมอร์ ซอง อุกซัวว์(Semur-en-Auxois)เป็นเมืองที่งดงามประหนึ่งหลุดออกมาจากเทพนิยาย ตั้งอยู่ในเขตแคว้น Burgundy ทางตอนกลางของฝรั่งเศส มีบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ Armançon ตัวบ้านเรือนมีลักษณะแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสในแถบชนบทยุคกลาง ตั้งเรียงรายกันอย่างน่ารักมีเสน่ห์แบบสุดๆ ยิ่งถ้ามองจากมุมที่ตั้งมีแม่น้ำผ่าตรงกลางมีสะพาน Le pont Joly เชื่อมสองฝั่งยิ่งเป็นมุมไฮไลท์ที่ถ่ายรูปออกมาปังมากๆ เดิมทีเมืองแห่งนี้เป็นป้อมปราการช่วงมีสงครามทำให้มีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน พอรวมๆกับบ้านเรือนที่ยังคงรักษาความโบราณได้อย่างดี และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองต่างๆ ถือได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆทีมีเสน่ห์ที่น่าค้นหาไม่แพ้เมืองอื่นๆเลยทีเดียว


13. Strasbourg
สตาร์บูกซ์(Strasbourg) เมืองติดขอบชายแดนของฝรั่งเศสติดกับประเทศเยอรมนี ทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกในเขตแคว้นอาลซัส ศิลปะและสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนจะมีการผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับเมืองไหนๆ แถมไวน์ก็ดีเยี่ยม อาหารพื้นเมืองก็ชั้นยอด รวมทั้งยังสามารถล่องเรือชมเมืองได้ด้วย


14. โกลมาร์(Colmar)
โกลมาร์(Colmar) เมืองแห่งไวน์แห่งอาลซัสท่ามกลางบรรยากาศเสมือนอยู่ในเวนิซ ตั้งอยู่ในจังหวัดโอ-แร็ง ของแคว้นอาลซัส แถบตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เหมาะกับเหล่าคู่รักแบบที่สุดของที่สุด เพราะทั้งอาคารบ้านเรือนสไตล์โบราณผนวกรวมกับธรรมชาติต่างๆ รวมกับมาเป็นบรรยากาศที่ฟินมาก จนได้รับการจัดอันดับให้ติด 1 ใน 10 เมืองโรแมนติกที่สุดในโลก แค่นั้นยังไม่พอเมืองนี้ยังถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นยอด ทำให้มีไร่องุ่นงามๆให้เดินชมหลายที่


15. ลียง(Lyon)
ลียง(Lyon) อาจจะไม่ใช่เมืองที่เล็กนักเทียบกับเมืองอื่นๆ แต่ที่นี่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากปารีส ตั้งอยู่ทางตะวันออกตอนกลางฝรั่งเศส ในเขตแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ โอบล้อมด้วยสองแม่น้ำสายสำคัญทั้ง Rhone และ Saone ด้วยความที่เคยถูกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมันมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากโรมอย่างมาก โดยสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองแบบ 360 องศาที่สวยจนแทบลืมหายใจได้ที่ โบสถ์นอเทอร์ดาม (Basilique Notre Dame de Fourviere) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Fourvière นับเป็นจุดแลนด์มาร์กที่ต้องมาเยือของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้

Comments

Popular posts from this blog